สาวๆอาจจะสงสัยว่าอาการหูอื้อที่เป็นอยู่หรืออาจจะเคยสัมผัสมาก่อนนั้นเกิดจากอะไร ซึ่งอาการหูอื้อเกิดได้จากหลายสาเหตุด้วยกัน ทั้งจากประสาทหูได้รับเสียงที่ดังจนเกินไป ประสาทหูเสื่อมตามอายุไข จากการเป็นไข้หวัด น้ำเข้าหู ความดันอากาศเปลี่ยน ผ่าตัดหูหรือหูชั้นในติดเชื้อ ซึ่งอาการหูอื้อส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวันได้เสมอ ดังนั้นการป้องกันจึงถือเป็นสิ่งสำคัญที่ทุกคนควรรู้
1.กำจัดขี้หู
บางครั้งอาการหูอื้อก็อาจเกิดจากการที่ขี้หูอุดตัน ดังนั้นจึงควรกำจัดขี้หูออกไป ซึ่งไม่แนะนำให้กำจัดขี้หูด้วยตัวเอง แต่ควรพบแพทย์เพื่อกำจัดขี้หูออกเมื่อมีอาการหูอื้อ เพราะมั่นใจในความปลอดภัยว่าจะช่วยแก้อาการหูอื้อได้ดีกว่า และยังช่วยแก้อาการดังกล่าวได้อย่างมีประสิทธิภาพ
2.เอาน้ำในหูออกด้วยการเอียงศีรษะ
สาวๆ อาจจะเคยมีอาการหูอื้อในขณะอาบน้ำ นั่นอาจเป็นเพราะมีน้ำเข้าไปในหู วิธีแก้ไขเบื้องต้นคือ เอียงศีรษะข้างที่มีน้ำเข้าหูให้ลงต่ำ แล้วดึงใบหูให้กางออกพร้อมเฉียงไปทางด้านหลัง จะทำให้ใบหูราบตรง ซึ่งวิธีนี้จะช่วยให้น้ำไหลออกมาจากหูได้ง่าย
3.รักษาอาการหวัดให้หาย
บางคนอาจมีอาการหูอื้อในช่วงที่เป็นหวัด ซึ่งวิธีแก้ไขก็คือ รักษาอาการหวัดให้หายดี แต่หากอาการหวัดหายแล้ว แต่ยังคงมีอาการหูอื้อ ก็ควรพบแพทย์เฉพาะทางเพื่อตรวจหาสาเหตุกันต่อไป
4.บีบจมูกพร้อมกลืนน้ำลาย
วิธีแก้ไขอาการหูอื้อด้วยการบีบจมูกพร้อมกลืนน้ำลายนั้น ควรใช้เมื่ออาการหูอื้อเกิดจากการดำน้ำหรือขึ้นเครื่องบิน เพราะอาการดังกล่าวเกิดจากความเปลี่ยนแปลงของความดันอากาศ วิธีทำก็คือ บีบจมูกทั้ง 2 ข้าง พร้อมกับกลืนน้ำลาย 1 ครั้ง ต่อด้วยเอามือที่บีบจมูกออก แล้วกลืนน้ำลายตามไปอีก 1 ครั้ง ซึ่งวิธีนี้เป็นการช่วยให้ท่อยูสเตเซียนเปิดและปิด จึงช่วยแก้อาการหูอื้อได้
5.นอนหลับให้เพียงพอ
การนอนหลับเป็นการฟื้นฟูอวัยวะของร่างกาย ซึ่งอาการหูอื้อที่เกิดจากการที่ประสาทหูเสื่อมเฉียบพลันก็สามารถแก้ได้ด้วยการนอนหลับให้เพียงพอ พยายามเข้านอนก่อน 4 ทุ่ม หรือนอนหลับพักผ่อนไม่ต่ำกว่า 6 ชั่วโมงต่อวัน
6.เสริมวิตามินแก่ร่างกาย
เป็นไปได้ว่าอาการหูอื้อที่เป็นอยู่เกิดจากการที่ร่างกายขาดวิตามินบี12 และซิงค์ ซึ่งสารอาหารทั้ง 2 ชนิดนี้มีความสำคัญต่อการทำงานของระบบประสาท โดยเฉพาะในกลุ่มผู้ป่วยที่มีภาวะประสาทหูเสื่อมจากสาเหตุต่างๆ แนะนำให้ทานวิตามินบี12 วันละประมาณ 25-50 มิลลิกรัม และทานซิงค์วันละ 30 มิลลิกรัม จะช่วยบำรุงระบบประสาทได้ดี และแก้อาการหูอื้อให้ดีขึ้น
7.พบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
การพบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญควรทำเมื่อวิธีทั้งหมดใช้ไม่ได้ผล และควรบังคับตัวเองให้ไปพบแพทย์เพื่อทำการวินิจฉัยโรค ไม่ควรปล่อยไว้เพียงเพราะคิดว่าอาการไม่ร้ายแรง หรือคิดว่าเดี๋ยวอาการก็ดีขึ้น เพราะบางครั้งอาการหูอื้ออาจร้ายแรงถึงขั้นต้องรับการผ่าตัดเลยทีเดียว