สมุนไพรรักษาโรคกระเพาะอาหาร

โรคกระเพาะอาหารเป็นโรคที่เราๆ ท่านๆ รู้จักกันดี เพราะเป็นโรคที่สามารถเกิดได้กับทุกคนและทุกเพศทุกวัยด้วย แถมยังเป็นโรคที่หากเป็นแล้วจะสร้างความทรมานและไม่สบายตัวให้ไม่น้อย วันนี้เรามาทำความรู้จักกับโรคกระเพาะอาหารและสมุนไพรไทยบ้านๆ ที่สามารถรักษาโรคกระเพาะอาหารได้กันดีกว่าค่ะ

โรคกระเพาะอาหาร หมายถึงอาการปวดแสบ ปวดร้อน ปวดเสียด หรือจุกแน่น ตรงบริเวณใต้ลิ้นปี่ (เหนือสะดือ) เวลาก่อนรับประทานอาหารหรือหลังรับประทานอาหารใหม่ ๆ สาเหตุสำคัญของโรคกระเพาะคือ ความเครียด (วิตกกังวล คิดมาก เคร่งเครียดกับการงาน การเรียน) พฤติกรรมการรับประทานอาหารผิดเวลา และการรับประทานอาหารที่ระคายเคืองต่อกระเพาะอาหารและลำไส้เช่น เหล้า เบียร์ แอสไพริน(ยาแก้ปวด ยาซอง) ยาแก้ปวดข้อ ยาชุด หรือยาลูกกลอนที่ใส่สเตียรอยด์ เครื่องดื่มชูกำลัง ที่เข้าสารคาเฟอีน เป็นต้น

การรักษาโรคกระเพาะ โดยการรับประทานยา และดูแลสุขภาพ ของตนเอง ทั้งรับประทานอาหารให้ตรงเวลา รับประทานอาหาร 3 มื้อตามปกติ งดเหล้า เบียร์ ชา กาแฟ เครื่องดื่มชูกำลัง น้ำอัดลม และบุหรี่เพราะจะทำให้โรคกำเริบได้

นอกจากนี้ยังมีภูมิปัญญาแบบไทยๆ ที่คนโบราณใช้เยียวยารักษาโรคกระเพาะ โดยไม่ต้องพึ่งยาแผนปัจจุบัน ลองเอาไปใช้ดู

กล้วยน้ำว้า นำผลมาปอกเปลือก หั่นเป็นแว่นบางๆ ตากแดดให้แห้ง บดให้ละเอียดเป็นผง ใส่ขวดเก็บไว้ ใช้ผง 1-2 ช้อนโต๊ะชงน้ำร้อนดื่ม หรือผสมกับน้ำผึ้ง 1 ช้อนโต๊ะ ผสมให้เข้ากัน กินก่อนอาหารและก่อนนอน

ขมิ้นชัน ใช้เหง้าแก่สด ล้างให้สะอาด หั่นเป็นชิ้นบางๆ ตากแดดจัด 1-2 วัน บดให้ละเอียด ผสมกับน้ำผึ้ง ปั้นเป็นลูกกลอน หินครั้งละ 3-5 เม็ด (ถ้าบรรจุแคปซูล กินครั้งละ 2 แคปซูล) วันละ 4 ครั้ง หลังอาหารและก่อนนอน

ว่านหางจระเข้ ใช้ใบสดที่เพิ่งตัดออกจากต้น นำมาล้างให้สะอาด ปอกเปลือกส่วนที่มีสีเขียวออกให้หมดเหลือแต่วุ้นใส หากมียางสีเหลืองติดที่วุ้นให้ล้างออกก่อน หั่นวุ้นเป็นชิ้นเล็ก ๆ ขนาดประมาณ 3 นิ้ว ล้างให้สะอาดอีกครั้ง กินวันละ 2 เวลา ก่อนอาหารเช้า เย็น

กระเจี๊ยบเขียว ใช้ผักลวกกินน้ำพริกทุกวัน เมือกลื่นๆ ในผลกระเจี๊ยบเขียว ช่วยเคลือบแผลในกระเพาะอาหารได้

หัวปลี นำปลีกล้วยน้ำว้ามาเผา แล้วบีบเอาแต่น้ำ ได้ประมาณครึ่งแก้ว ดื่มก่อนอาหาร รสชาติฝาดเฝื่อน กินยากมาก แต่มีตนกินติดกันประมาณ 3 วัน อาการปวดกระเพาะที่อักเสบเรื้อรังมานานหายสนิท

เป็นยังไงกันบ้างคะ รู้จักโรคกระเพาะอาหารกันไปแล้ว คราวนี้ก็ไม่ต้องกลังกันอีกแล้วนะคะ แต่ทางที่ดีนั้นควรจะดูแลร่างกายของเราให้ดี ห่างไกลโรคจะดีกว่ามานั่งรักษานะคะ

ติดตามเราได้ที่นี่