อาการเจ็บแน่นหน้าอกหรือเหนื่อยง่าย อาจเป็นการเตือนของโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ ซึ่งในบางครั้งอาจจะไม่แสดงอาการออกมา โดยโรคหลอดเลือดหัวใจตีบเป็นโรคหัวใจชนิดที่พบได้บ่อยที่สุด แต่เราสามารถป้องกันได้ด้วยการตรวจหาความเสี่ยงและควบคุมอาการ
ความรุนแรงของภาวะหลอดเลือดหัวใจตีบมี 2 ระดับ
- หัวใจขาดเลือดแบบเฉียบพลัน
- หัวใจขาดเลือดแบบเรื้อรัง โดยในบางรายอาจจะไม่แสดงอาการ
โดยอาการของผู้ป่วยภาวะหลอดเลือดหัวใจตีบจะขึ้นอยู่กับความรุนแรงของโรค เช่น เจ็บหน้าอกอย่างรุนแรง, หัวใจล้มเหลว, หัวใจเต้นผิดจังหวะ หรือหัวใจหยุดเต้น
ปัจจัยที่ทำให้เสี่ยงต่อการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ
- ภาวะความดันโลหิตสูง
- โรคเบาหวาน
- คอเลสเตอรอลสูง
- ไตวายเรื้อรัง
- การสูบบุหรี่
- มีประวัติคนในครอบครัวเป็นโรคหัวใจขาดเลือดตั้งแต่อายุน้อย
- ภาวะอ้วนลงพุง
- อายุที่มากขึ้น (ผู้ชายอายุมากกว่า 40 ปี ผู้หญิงอายุมากกว่า 50 ปี หรือผู้หญิงในวัยหมดประจำเดือน)
ทำอย่างไรถึงจะห่างไกลจากโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ
- งดการสูบบุหรี่และการดื่มแอลกอฮอล์
- ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอเพื่อควบคุมน้ำหนัก
- ตรวจสุขภาพประจำปี เพื่อตรวจเช็คความดัน, ระดับนํ้าตาล, ไขมันในเลือด และการทำงานของไต
- ทานอาหารที่มีประโยชน์ เลี่ยงการทานไขมันอิ่มตัว เช่น เนื้อสัตว์ติดมัน, เบเกอรี่, ชีส รวมถึงเลี่ยงการปรุงรสชาติเค็มและหวาน ลดการทานของหวาน เน้นการทานผักผลไม้
วิธีการตรวจวินิจฉัยโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ
ในส่วนของผู้ที่มีอาการเจ็บหน้าอกขณะออกแรง ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจความเสี่ยงต่อการเป็นภาวะหลอดเลือดหัวใจตีบ โดยแพทย์จะทำการตรวจประเมินอาการด้วยวิธีต่างๆ ซึ่งขึ้นอยู่กับอาการของคนไข้ อาทิ
- การวิ่งสายพาน (EST)
- การตรวจด้วยคลื่นเสียงสะท้อนหัวใจ (ECHO)
- การเอ็กซเรย์คอมพิวเตอร์
- การเอ็กซเรย์คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า
- การตรวจหัวใจด้วยสายสวน
แนวทางการรักษาโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ
ภาวะหลอดเลือดหัวใจตีบสามารถรักษาด้วยวิธีการใช้ยาและไม่ใช้ยา ซึ่งจำเป็นต้องรักษาควบคู่กันไป โดยต้องอยู่ในการดูแลของแพทย์ ซึ่งยาที่ใช้รักษาได้แก่
- ยาต้านเกล็ดเลือด
- ยาลดไขมันในเลือด
- ยาโรคหัวใจหรือยาที่ใช้เพื่อควบคุมระดับนํ้าตาลหรือความดันโลหิต
ส่วนการรักษาโดยไม่ใช้ยา ได้แก่
- การออกกำลังกายสม่ำเสมอ
- ลดนํ้าหนัก
- งดการปรุงอาหารรสเค็ม
- ทานผักผลไม้ให้เพียงพอ
- เลือกรับประทานไขมันอิ่มตัวและหลีกเลี่ยงไขมันทรานส์
ดังนั้นหากมีอาการเจ็บแน่นหน้าอก หรือเหนื่อยง่ายควรรีบมาพบแพทย์เพื่อประเมินอาการ และดูแลตัวเองด้วยการเลือกทานอาหารที่มีประโยชน์ ทานผักผลไม้ให้เพียงพอ ออกกำลังกายสม่ำเสมอ ก็จะช่วยป้องกันโรคหลอดเลือดหัวใจตีบได้